การสร้างบ้านสักหลังเราต้องทุ่มเททั้งร่างกาย และจิตใจ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องศึกษาหาข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวกับสร้างบ้าน เพื่อลดข้อผิดพลาด และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งท่านไหนที่กำลังมองหาผู้รับเหมาหรือบริษัทรับสร้างบ้าน ผู้ที่จะมารังสรรค์ปั้นแต่งให้บ้านของเราให้เป็นไปตามความฝันที่วาดหวังไว้ ดังนั้น เราจึงควรมาทำความรู้จักกับ BOQ ว่าคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงสำคัญต่อการสร้างบ้าน
"BOQ" ย่อมาจาก
"Bill of Quantities" คือ เอกสารแสดง
ราคากลางในการก่อสร้างที่ใช้ในขั้นตอนการหาผู้รับเหมาก่อนที่จะทำการก่อสร้าง รายละเอียดด้านในจะเป็นรายการที่แสดงปริมาณงานและ
ราคาวัสดุก่อสร้างที่ถอดมาจากแบบก่อสร้างทั้งหมด ทั้งจากแบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง และแบบวิศวกรรมงานระบบต่างๆ ซึ่งจะแยกเป็นหมวดหมู่งานอย่างละเอียด เช่น งานเตรียมพื้นที่ งานโครงสร้าง (ฐานราก คาน เสา พื้น และโครงหลังคา) งานมุงหลังคา งานฝ้าเพดาน งานผนัง งานพื้น งานทาสี งานระบบไฟฟ้า งานประปาและสุขาภิบาล เป็นต้น
โดยจะแจกแจงเป็นรายการต่างๆ ในแต่ละหมวด พร้อมทั้งมีการระบุประเภท ขนาด ราคาของวัสดุ ปริมาณหรือพื้นที่ที่ใช้ รวมถึงค่าแรงในแต่ละรายการเอาไว้ด้วย โดยปกติสถาปนิกจะเป็นผู้จัดทำให้ตามที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจ้าง แต่ถ้าหากไม่มีระบุไว้ในสัญญา เราควรจัดหาผู้เชี่ยวชาญให้เป็นผู้จัดทำโดยให้สถาปนิกจะเป็นผู้ช่วยตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้องอีกที
♦ ใครเป็นผู้จัดทำ BOQ?
โดยปกติสถาปนิกจะเป็นผู้ดำเนินการซึ่งต้องมีการระบุในสัญญาว่าจ้าง แต่ถ้าหากไม่มีระบุไว้ในสัญญา เราควรจัดหาผู้เชี่ยวชาญให้เป็นผู้จัดทำ โดยสถาปนิกจะเป็นผู้ช่วยตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้อง
♦ ทำไมต้องทำ BOQ?
BOQ เป็นเอกสารสำคัญที่สถาปนิกและเจ้าของบ้านใช้ในการเปรียบเทียบราคาก่อสร้างจากผู้รับเหมาแต่ละราย โดยผู้รับเหมาจะได้รับ Blank BOQ ซึ่งเป็นเอกสารชุดเดียวกับ BOQ เพียงแต่จะเว้นว่างในช่องราคาค่าวัสดุและค่าแรงไว้ รวมถึงค่าดำเนินการ กำไร และภาษีให้ผู้รับเหมาแต่ละรายกรอก และเมื่อได้ผู้รับเหมามาสร้างบ้านให้เราแล้ว เอกสารตัวนี้จะเป็นตัวควบคุมและตรวจสอบงบประมาณในการก่อสร้าง เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงปริมาณหรือชนิดวัสดุก่อสร้างที่ระบุเอาไว้ได้ นอกจากนี้หน้าที่สำคัญของ BOQ ยังช่วยคุมการวางแผนซื้อและจัดส่งสินค้าให้ทันตามกำหนดการก่อสร้างอีกด้วย
♦ คัดเลือกผู้รับเหมาให้ตรงใจอย่างไร ?
เมื่อได้ราคาก่อสร้างจากผู้รับเหมาแต่ละรายแล้ว เกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกผู้รับเหมาซึ่งนอกจากจะเปรียบเทียบราคาค่าแรงและวัสดุแล้ว ควรพิจารณาในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. ศักยภาพของผู้รับเหมา เช่น รูปแบบบริษัท จำนวนบุคลากร จำนวนงานที่รับทำต่อปี มูลค่างาน สถานะการเงินตลอดจนผังการบริหารงานขององค์กรหรือทีมงาน เป็นต้น
2. ความถนัดในงานที่ทำ เช่น ทำบ้านโครงสร้างบ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือบ้านโครงสร้างเหล็ก เป็นต้น
3. ผลงานที่ผ่านมา เยี่ยมชมสถานที่ก่อสร้างจริง หรือสอบถามข้อมูลจากผู้ที่เชื่อถือได้ โดยควรพิจารณาด้านคุณภาพงาน ความตรงต่อเวลา ควบคุมงบประมาณได้ดี และมีการเคลียร์พื้นที่ก่อนส่งงานอย่างเรียบร้อย
4. มีความเข้าใจและมีมาตรฐานที่ตรงกัน สามารถสื่อสารพูดคุยกันรู้เรื่อง มองภาพงานออกมาในรูปแบบเดียวกันเพื่อให้ผลงานสำเร็จออกมาราบรื่น
5. มีเอกสารสัญญา และแบบก่อสร้างที่ชัดเจน ใช้เป็นหลักฐานในแง่กฎหมาย และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกันที่ชัดเจน ลดการผิดพลาดในการทำงาน
6. การรับประกันผลงาน ผู้รับเหมาที่ดีนอกจากจะต้องทำงานได้ดี มีคุณภาพ เสร็จตรงตามกำหนดเวลาแล้ว การรับประกันผลงานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการคัดเลือกผู้รับเหมา โดยควรรับประกันผลงานหลังจากก่อสร้างเสร็จแล้วอย่างน้อย 1 ปีทั้งนี้ หากเลือกผู้รับเหมาได้แล้ว ขั้นต่อไปก็เป็นการเซ็นต์สัญญากับผู้รับเหมา ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมจาก เคล็ดลับการทำสัญญากับผู้รับเหมา